การดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาของอาณาจักรล้านช้างตอนต้น


         บุญชู  ภูศรี
 
         ล้านช้างกว้างใหญ่เมื่อเจ้าฟ้างุ้มปราบบ้านเมืองในลุ่มน้ำโขง ให้อยู่ภายใต้อิทธิพลของเมืองเชียงดงเชียงทอง โดยสัญญะของความสวามิภักดิ์ของบ้านเมืองที่เจ้าฟ้างุ้มเดินทัพไปปราบนั้น คือ สองเดือนให้ส่งคนมารายงานสถานการณ์หรือเหตุการณ์ในบ้านเมืองนั้นทุกเมือง และสามปีจึงให้เจ้าเมืองมาเชียงดงเชียงทองหนึ่งครั้ง จึงเป็นไปได้ว่าตลอดระยะเวลาเจ้าฟ้างุ้มปกครองบ้านเมืองนั้น (1896-1936) ใช้วิธีการดังกล่าวนี้ โดยไม่ปรากฏว่ามีพิธีกรรมดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาแต่อย่างใด ดังข้อความต่อไปนี้ [1]  
 

        ภาพจาก มหาสิลา  วีระวงส์, 2001 หน้า 44

       พิธีกรรมที่มีการสื่อสัญญะของการสาบานหรือให้คำสัตย์ว่าจะตั้งอยู่ในความจงรักภักดีนี้ หรือการดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาของอาณาจักรล้านช้างเริ่มมีความชัดเจนในสมัยเจ้าอุ่นเรือน หรือพญาสามแสนไทไตรภูวนาถ (พ.ศ.1936-1959) โดยในตำนานขุนบรมราชาธิราชฉบับวัดหมื่นนา แขวงหลวงพระบาง กล่าวถึง พระเจ้าอุ่นเรือน ซึ่งหมอโหรเคยทำนายว่าจะสวรรคตด้วยการจมน้ำ (ตายดึกน้ำ) แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่หมอโหรทำนาย จนกระทั่งพระชนมายุได้ 79 พรรษา ได้เสวยน้ำแค้น (แค้นน้ำ คือ การดื่มน้ำแล้วน้ำมาตันที่คอ) สวรรคตเมื่อสังขาร (สงกรานต์/ตรุษสงกานต์)  ดังข้อความต่อไปนี้

นับแต่พญาสามแสนไทมีอายุได้ ๗๙ ปี หมอทวายแต่น้อยว่าจักตายดึกน้ำ มาได้กินน้ำเมื่อสังขานไปแค้นน้ำตายที่โฮงเชียงทองหั้นแล[2]

 
          ตำนานขุนบรมฉบับปริวรรตโดยสิลา  วีระวงส์ และนวน  อุเทนสักดา กล่าวไว้คล้ายคลึงกันกับตำนานขุนบรมราชาธิราช ฉบับวัดหมื่นนา ดังนี้
[3]

          ขุนบรมราชาธิราช ฉบับหอพิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง แขวงหลวงพระบาง อธิบายข้อความชัดเจนกว่า 2 ฉบับข้างต้น โดยกล่าวว่า น้ำที่พระเจ้าสามเเสนไทไตรภูวนาถเสวยนั้น คือ น้ำพิพัฒน์สัตยา () โดยการเสวยน้ำพิพัฒน์สัตยานั้นเป็นการเสวยเมื่อสังขาร ซึ่งน่าจะเป็นปีใหม่หรือตอนขึ้นปีใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นการขึ้นปีใหม่และให้เจ้าเมืองต่าง ๆ มาทำพิธีดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาด้วย  ดังต่อไปนี้


 


อักษรธรรม เขียนข้อความว่า "น้ำพระพิพัฒน์"
 
          ตามหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาของอาณาจักรล้านช้างตอนต้น มีการทำพิธีในช่วงเดือนห้าโดยเริ่มมีความชัดเจนว่าเริ่มในสมัยพระเจ้าสามแสนไทไตรภูวนาถเป็นต้นมา


ปรับปรุงภาพจาก http://www.laomanuscripts.net/en/index



            [1] สิลา วีระวงส์. ประวัติศาสตร์ลาวแต่บูฮาณ เถิง 1946. พิมพ์ครั้งที่ 3. (เวียงจันทน์ : โรงพิมพ์มันทาตุลาด, 2001) หน้า 44.
            [2] ຂຸນບູຣົມ  ວັດໝື່ນນາ, ເມືອງ ຫຼຼວງພະບາງ, ແຂວງ ຫຼວງພະບາງ ຜູກ 3
                     [3] ສິລາ  ວີຣະວົງ ແລະນວນ  ອຸເທນສັກດາ. (2510). ນິທານຂຸນບໍຣົມຣາຊາທິຮາຊ ສະບັບທີ່ 1. ວຽງຈັນ: ກະຊວງທັມມະກາຣ. |hk 84
            [4] ນິທານຂຸນບຸຣົມ ຫໍພິພິທະພັນ, ເມືອງ ຫຼຼວງພະບາງ, ແຂວງ ຫຼວງພະບາງ ຜູກ 2

ความคิดเห็น