เล็น : ศัพท์ตะวันตกในวรรณกรรมอีสาน

                                                                                                                   บุญชู ภูศรี

        คำยืมที่ปรากฏในวรรณกรรมของอีสานและลาวนั้น โดยส่วนมากจะมาจากภาษาบาลีสันสกฤต และเขมร แต่ที่ไม่ค่อยพบบ่อยคือ คำยืมที่เป็นภาษาตะวันตก แม้ว่าจะมีคำที่บังเอิญคล้ายกันอยู่อย่างที่อาจารย์อุดม บัวศรี[1] กล่าวไว้หลายคำ เช่น
                                     โตต่อน            ตรงกับคำว่า     Total
                                     เอี่ยน              ตรงกับคำว่า     Eel
                                     แล่น               ตรงกับคำว่า     Ran
                                     แอกแสก          ตรงกับคำว่า     Axact
                                     หลูด               ตรงกับคำว่า     Lose
                                     เวียก              ตรงกับคำว่า     Work
                                     ลุน                 ตรงกับคำว่า     Late

        ศัพท์ส่วนใหญ่ที่คล้ายกันจะเป็นศัพท์ประเภทคำนาม คำกริยาและกริยาวิเศษณ์ ที่บังเอิญตรงกัน จะเห็นว่าศัพท์เหล่านี้เป็นศัพท์ที่ใช้ในท้องถิ่น ซึ่งอีสานและลาว หรืออาณาจักรล้านช้างแต่ก่อนมีใช้อยู่แล้ว แต่บังเอิญคล้ายกันกับภาษาอังกฤษเท่านั้น ศัพท์ที่ล้านช้างน่าจะได้รับอิทธิพลจากตะวันตกคือศัพท์ที่มาจากวิทยาการสมัยใหม่ที่ล้านช้างไม่มี ดังเช่นคำว่า เล็น ซึ่งปรากฏในวรรณกรรมลายลักษณ์ของอีสานและลาว ดังตัวอย่างในเรื่องเสียวสวาด
“…แต่นั้น นายสะเภาก็บายให้เขาม้วนเชือกสมอแล้วก็ชักยังใบเสากระโดงใส่ลมใบบ่ช้า แต่นั้นนายสะเภาก็บายถือเอากูฎแล้วพายออกเลยไป เขาก็เอายังแก้วหน้าเล็นออกมาเบิ่งแยงเยี่ยมนักขัตฤกษ์ดาวหน่วยนั้นเป็นเขตเมืองเฮา เขาก็ถกสะเภาไปต่อชาวเมืองนั้น หั้นแล…”[2] 
เสียวสวาดฉบับประเทศลาว ก็มีคำว่า เล็น ปรากฏอยู่ด้วยเช่นกัน
 “…แต่นั้น นายสะเภาก็บายเอายังคุดแก้วแล้วย้ายออกเลยไป เขาก็เอายังแก้วหน้าเล็น ออกมาเยี่ยมแยงนักขัตฤกษ์ อันว่าดาวหน่วยนั้นเป็นเมืองเฮา เขาก็ถกสะเภาต่อดาวเมืองนั้น…”[3] 

        ในวรรณกรรมเรื่องอื่น เช่น จันทะหมุด และ หอมฮู ซึ่งพบในภาคอีสานก็มีกล่าวถึง หน้าเล็น ด้วยเช่นกัน แต่ก็เรียกชื่อต่างกันบ้าง
 
 
          คำว่า เล็น หรือ หน้าเล็น ท่านมหาสิลา วีระวงส์ อธิบายว่า เป็นคำที่ไม่เคยปรากฏในวรรณคดีลาวทั้งหลาย ไม่ใช่คำภาษาบาลีสันสกฤต แต่เป็นภาษาของชาวยุโรป เข้าใจว่าเป็นภาษาฮอลันดาหรือภาษาอังกฤษ[6]  ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษในปัจจุบัน ว่า Lens (เลนส์) ท่านมหาสิลา วีระวงส์ ให้ความเห็นอีกว่า หมายถึง แก้วหน้ากล้องส่อง หรือ หน้ากล้องถอนฮูป ซึ่งหมายถึง กระจกที่ใช้ในกล้องส่องทางไกล ความหมายโดยรวมก็คือ กล้องส่องทางไกลนั่นเอง แต่ในวรรณกรรมเรียกว่า แก้วหน้าเล็น หรือในบางฉบับเรียกว่า หน้าแว่นแก้ว ซึ่งเป็นการยืมแปลคำจากต่างประเทศอีกทีหนึ่ง กวีล้านช้างคงจะเห็นกล้องส่องทางไกลกับพ่อค้าชาวตะวันตกที่เดินเรือเข้ามาค้าขายกับล้านช้าง หรืออาจจะเคยทดลองใช้ จึงเป็นเหตุให้นำศัพท์นี้มาใช้ในล้านช้าง
 




กล้องดูดาวสมัยอยุธยา : ภาพวาดสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและบาทหลวงชาวฝรั่งเศสกำลังสังเกตจันทรุปราคา
ณ พระที่นั่งเย็น ทะเลชุบศร เมื่อปี พ.. ๒๒๒๘ บันทึกไว้โดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส
ที่มา ; นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว, รอยทางแห่งเวลา (กรุงเทพฯ : แพรวสำนักพิมพ์, ๒๕๔๔), ๗๒.
 
        นอกจากกวีจะใช้คำว่า หน้าเล็น สื่อความหมายโดยตรงแล้ว ในวรรณกรรมบางเรื่องกวียังใช้สื่อความหมายในเชิงอุปมาเปรียบเทียบในทางโหราศาสตร์ การดูฤกษ์ยามว่า แม่นยำเหมือนตาเห็น หรือแม่นเหมือนกับส่องกล้องเห็น และยังบอกอีกว่าเป็นแก้ววิเศษ ชนิดที่เรียกว่า หน้าเล็นเป็นปาฏิหาริย์แห่งยุคสมัยเลยก็ว่าได้
      
    
        อย่างไรก็ตามการที่กวีใช้คำว่า เล็น ในวรรณกรรม นอกจากเป็นการบอกให้รู้ว่าล้านช้างในสมัยนั้นรู้จักคำว่าเล็นดีแล้ว ก็จะเป็นการบอกอายุของวรรณกรรมเรื่องนั้นหรือฉบับนั้น ๆ ได้ว่า แต่งหรือจารในสมัยที่วิทยาการเหล่านี้เข้ามาในล้านช้างแล้ว เฉพาะเรื่องเสียวสวาด ท่านมหาสิลา วีระวงส์ สันนิษฐานว่า แต่งขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช (.. ๒๑๘๑ - ๒๒๓๘) เพราะในสมัยนี้มียุโรปเดินทางมาเวียงจันท์ถึง ๒ คณะ[8] คือ คณะของนายเกอรริต ฟอน วูสทอฟฟ์ (Gerrit Van Wusthoff) พ่อค้าในบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา ได้เดินทางจากเมืองระแวกตามลำน้ำโขงถึงเวียงจันท์ เมื่อ พ.. ๒๑๘๔ และคณะของบาทหลวงมารินี โรแมน (Marini Roman) ชาวอิตาลี เดินทางมาเผยแผ่คริสตศาสนายังนครเวียงจันท์ ตั้งแต่ปี ๒๑๘๕ - ๒๑๙๐
แม่น้ำโขง เส้นทางต่างชาติเข้ามาติดต่อสัมพันธ์กับล้านช้าง : ภาพแม่น้ำโขงบริเวณหลวงพระบาง ปี พ.. ๒๔๑๐
ที่มา : Delaporte, Louis and Garnier,Francis, A pictorial Journey on the Old Mekong : Combodia, Laos and Yunnan (Bangkok : White Lotus, ๑๙๙๘), ๑๘๒.
        ฉะนั้น การที่ชาวยุโรปเข้ามาล้านช้างถึง ๒ คณะ  อาจจะทำให้ล้านช้างรับวิทยาการสมัยใหม่อย่างเช่น กล้องส่องทางไกล  เพราะในสมัยใกล้เคียงกันที่อยุธยา บาทหลวงฝรั่งเศสก็นำกล้องดูดาวเข้ามาอยุธยาแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ล้านช้างรับแล้วสืบทอดวัฒนธรรมด้านภาษาจากชาวตะวันตกครั้งแรก จึงน่าจะเป็นคำว่า เลนส์ (Lens) อันหมายถึงกล้องส่องทางไกล ซึ่งเป็นศัพท์ที่มาพร้อมกับวิทยาการสมัยใหม่และเป็นศัพท์ที่ใช้และเข้าใจกันทั่วไป กระทั่งกวีได้นำมาบันทึกไว้ในวรรณกรรม

       [1]อุดม บัวศรี, วัฒนธรรมอีสาน (ขอนแก่น : คลังนานาวิทยา, ๒๕๔๖), ๑๕๓.
        [2]ระวีวรรณ อินทร์แหยม, “เสียวสวาด : การศึกษาเชิงวิเคราะห์” (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาจารึกภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๒๔), ๘๖.
        [3]คณะกรรมการวิทยาศาสตร์สังคม, มหาสิลา วีระวงส์ : ชีวิตและผลงาน (...ลาว : โรงพิมพ์แห่งรัฐ, ๑๙๙๐), ๑๒๑. 
        [4]จันทะหมุด, ลานที่ ๙๕๙๖.
        [5]หอมฮู, ลานที่ ๙๑.
        [6]คณะกรรมการวิทยาศาสตร์สังคม, เรื่องเดียวกัน, ๑๒๑.  
        [7]พระสมณกุลวงศ์, ขุนทึง, ตรวจชำระโดย พิทูร มลิวัลย์ (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ประยูรวงศ์, ๒๕๑๑), ๑๕๔.
       [8]สุรศักดิ์ ศรีสำอาง, ลำดับกษัตริย์ลาว (กรุงเทพฯ : สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๔๕), ๑๙๒.
    















                                               

  

ความคิดเห็น